วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ประโยคสุดหวานในภาษาฝรั่งเศส

เราคงได้ยินเวลาที่นสมัยนี้บอกรักกันเป็นภาษาต่างๆมากมายและที่คนไทยอย่างเรานำมาใช้กันบ่อยๆ และคุ้นหูกัน เช่น ซารางเฮโย= เกาหลี , I love you = อังกฤษ  วันนี้เลยอยากจะลองเอาภาษาสุดหรูอย่างฝรั่งเศสมาในไสตล์หวานๆ ให้ทุกๆคนได้รู้กัน เผื่อจะได้เอาไปใช้กับสวีตฮาร์ทของตัวเองกันน่ะค่ะ^ ^

1.มากับประโยคพื้นฐานที่ใครหลายๆคนคุ้นหู และใช้กันบ่อยที่สุด
Je t'aime. (เฌอ แตม)  ฉันรักเธอ

2.Je t'aime comme un fou.
(เฌอ แตม กอม เอิงฟู)
ฉันรักเธออย่างบ้าคลั่ง (ไว้สำหรับผู้ชายพูดกับสาวๆนะคะ)

3. Je t'aime comme une folle
(เฌอ แตม กอม อูน ฟอล)
เช่นเดียวกันกับประโยคด้านบน (เป็นสำหรับผู้หญิงพูดกับผู้ชาย)

4.Je t'aime tout mon coeur
(เฌอ แตม เดอ ตุ มอง เกอค์)
ฉันรักเธอหมดหัวใจ

5.Est-ce que je pourrais avois ton numero de telephone.
(เอส เก๊อะ เฌอ ปู เค่ อวัวค์ ตง นูเมโค่ เดอ เต เล ฟอน)
ขอเบอร์หน่อยได้มั้ย 

6.Je suis tombe amoreux
(เฌอ ซุย ต็องเบ้ อมูเคอ)
ผมตกหลุมรักซะแล้ว (สำหรับผู้ชายพูด)

7.Je sius tombee amoureuse.
(เฌอ ซุย ต้องเบ้ อมูเคิส)
ฉันตกหลุมรักซะแล้ว (สำหรับผู้หญิงพูด)

8.Je ne peux pas vivre toi
(เฌอ เนอ เปอ ปะ วิฟเวรอะ ซ็อง ตัว)
ฉันไม่สามารถอยู่ได้หากปราศจากเธอ (วิ้ววว~~) หวานมั้ยหละ♡♡

9.C'est mon premier amour
(เซ มง เพรอ มิ เย่ อมูค์)
นี่เป็นรักแรกของฉัน (อันนี้ใสๆนะคะ)

10.Tu me manques.
(ตู เมอ มองก์)
ฉันคิดถึงเธอ

11.Je sius celibataire
(เฌอ ซุย เซลิบาแตค์)
ฉันยังโสดอยู่ (เติมมาให้สำหรับคนโสด 5555)

12. สำหรับหลายคนที่เริ่มดูใจกัน  เอาประโยคนี้ไปใช้ได้เลยค่ะ
Tu veux sortir avec moi?
(ตู เวอ ซอค ตีค์ อแว็ค มั้ว)
ไปเดตกันมั้ย  (น่ารักซะ><)

13.และสุดท้ายหลังจากเดตแบะถูกใจเป็นประโยคสุดหวานของคุณผู้ชายที่คุณผู้หญิงหลายคนเฝ้ารอ
Veux-tu m'epouser
(เวอรื ตู เมปุเซ)
แต่งงานกับฉันน่ะ  (อิ้ววว~~♡♡)

คำบุพบท (préposition)

         คำบุพบท (préposition)
ที่ใช้บอกตำแหน่งต่างในภาษาฝรั่งเศส

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

On fait des courses

              On Fait Des Courses = เราไปช้อปปิ้ง

สำนวนการซื้อของและบอกว่าต้องการอะไร จำนวนเท่าไร

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

J'adore ma ville parce que

         
              Bonjour, je m'appelle Sunun! J'habite à Nakhonpathom.
J'adore ma ville parce qu'il y a des monuments célèbres,des musées,des marchés flottants, la grande pagode et parce qu'il y a les gens sympathiques.

วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สำนวนฝรั่งเศส

                              สำนวนฝรั่งเศส

1. Oh la vache! Vache แปลว่าวัวตัวเมีย คำๆนี้ เป็นคำอุทานที่วัยรุ่นชอบใช้กันมาก ไม่ได้มีความหมายอะไรมาก คล้ายๆกับคำว่า “โอ้โห!” ในภาษาไทย
  
2. C’est vachement chouette! มันโครตเจ๋งเลย! Vachement bon! ดีโครตๆ!
 
3. Comme une vache qui regard passer le train. งี่เง่าเหมือนวัวที่เฝ้ามองรถไฟวิ่งผ่านไปผ่านมา(แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร)
  
4. Etre malin comme un singe. แปลตามตัวเลย ฉลาดเหมือนลิง

5. Etre comme un poisson dans l’eau. เป็นเหมือนปลาที่อยู่ในน้ำ หมายถึงทุกย่างราบรื่นไปหมด เหมือนเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในสำนวนไทย
  
6. Etre doux comme un agneau. อ่อนโยนเหมือนลูกแกะ
  
7. Fier comme un paon. หรือ Etre fier comme un coq. Un paon แปลว่านกยูง Un coq แปลว่าไก่ตัวผู้ สำนวนนีหมายถึงภาคภูมใจ(หลง)ตัวเองเหมือนนกยูงหรือพ่อไก่
  
8. Manger comme un cochon. กินมูมมามเหมือนหมู
  
9. Il pleut comme une vache qui pisse ฝนตกเป็นสาย ฝนตกหนักมาก แต่ถ้าจะพูดให้สุภาพหน่อยก็ใช้คำนี้ Il pleut des cordes.
  
10. Rusé comme un renard เจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอก
  
11. Etre laid comme un pou.   น่าเกลียดเหมือนตัวเหา
  
12. Tout est bon dans le cochon.
หมายความว่าทุกอย่างดูดีไปหมด

13.Copains comme cochons. หมายความว่ามีความสนิทสนมกันมาก(เพื่อน) มีความหมายคล้ายกันกับ Avoir gardé les cochons ensemble.

14. Parler le français comme une vache espagnole. ถ้าแปลตรงตัวเลยคือ พูดภาษาฝรั่งเศสเหมือนกับวัวประเทศสเปน หมายความว่า พูดภาษาฝรั่งเศสได้แย่มาก

15.Ça ne vaut pas un pet de lapin มันเทียบไม่ได้แม้แต่กับลมของกระต่ายที่ผายออกมา Pet แปลว่า ลมที่ถูกผายออกมา หมายความว่ามันไม่มีคุณค่าอะไรเลย

16.Quand les poules auront des dents. หมายถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แปลตรงตัวคือ เมื่อไก่มีฟัน หรือตรงกับสำนวนไทย วันที่น้ำท่วมหลังเป็ด

17.มีสำนวนที่เกี่ยวกับเป็ด (canard) Un froid de canard หมายถึงสภาพอากาศที่หนาวมากๆ หนาวเหมือนอยู่ในตู้แช่แข็ง

18.Il pleut comme une vache qui pisse ฝนตกเป็นสาย ฝนตกหนักมาก แต่ถ้าจะพูดให้สุภาพหน่อยก็ใช้คำนี้ Il pleut des cordes.

19.Un temps de chien. สภาพอากาศแบบหมาๆ หมายถึง สภาพอากาศแย่มาก อากาศหนาว ฝนตกหนัก

20.Quand le chat n’est pas là, les souris dansent. ตรงกับสำนวนไทย แมวไม่อยู่หนูร่าเริง

21. Donner sa langue au chat. หมายถึง ยอมแพ้แล้ว ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง Je donne ma langue au chat. ฉันไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไง ในภาษาอังกฤษจะมีคำพูดว่า Cat got your tongue? หมายถึง เธอไม่มีอะไรจะพูดเลยหรือ?

22. Il y a un chat dans ma gorge. มีแมวอยู่ในคอหอย หมายถึงจุกจนพูดไม่ออก

23.Chien qui aboie ne mord pas. แปลตรงๆตามสำนวนไทย หมาที่เห่ามักไม่กัด

24.Se jeter dans la gueule du loup. กระโจนลงไปในปากของหมาป่า หมายถึง การเข้าไปเสี่ยงอันตราย เหมือนกับการว่ายน้ำเข้าไปหาจรเข้

25. A cheval donné on ne regarde pas la bride. ม้าที่คนให้มาเป็นของขวัญไม่ควรมองแค่จุดเล็กๆอย่าบังเหียน(Bride แปลว่า บังเหียนม้า) มายความว่าเมื่อได้รับของขวัญที่ยิ่งใหญ่ก็ไม่ควรไปมองแค่จุดเล็กๆ ยกตัวอย่างเช่นถ้ามีคนซื้อรกใหม่ให้เป็นของขวัญก็ไม่ควรไปมองแค่ว่าพวงกุญแจรถไม่สวย

26.Il y a un chat dans ma gorge. พูดไม่ออก (มีแมวไปติดอยู่ที่คอหอย)

27.Il y a anguille sous roche. แปลว่า มีปลาไหลอยู่ใต้หิน ตรงกับ คลื่นใต้น้ำ ในสำนวนไทย ข้างนอกดูเหมือนไม่มีอะไรทุกอย่างดูราบเรียบไปหมดแต่ภายในนั้นครุกรุ่น

28.Petit à petit, l’oiseau fait son nid. คล้ายๆสำนวนไทยทีละเล็กทีน้อย เหมือนนกสร้างรัง

29.Poisson d’avril แปลตรงตัวคือ ปลาของเดือนเมษายน หมายถึงการแต่งเรื่องขึ้นมาโกหกกันเล่นๆในทุกวันที่ 1 ของเดือนเมษายน ที่ฝรั่งถือว่าเป็นวันแห่งการโกหก หรือ “April Fool’s Day” ในภาษาอังกฤษ

30.Il ne faut jamais courir deux lièvres à la fois. อย่าไล่จับกระต่ายป่าสองตัวในเวลาเดียวกัน ตรงกับสำนวนไทย อย่าจับปลาสองมือ

31.Avoir la chair de poule. มีผิวเหมือนผิวหนังของไก่ หมายความว่า ขนลุก

32.Avoir un QI d’huitre. มีไอคิวของหอยนางรม QI คือไอคิว, Huitre แปลว่าอยนางรม หมายถึง ไอคิวต่ำ หรือ “โง่” นั่นเอง

33.Avoir des fourmis dans les jambes. แปลตรงตัว มีมดอยู่ในขา หมายถึง “ขาเป็นเหน็บ” หรือรู้สึกชาที่ขาเวลานั่งท่าเดียวนานๆ บางคนก็อาจพูดสั้นๆว่า J’ai des fourmis. ตรงกับภาษาอังฤกษ My foot is asleep.

34.Avoir le cafard. Un cafard แปลว่าแมลงสาบ สำนวนนี้หมายถึง มีอาการเศร้า ตรงกับสำนวน “feel blue” ในภาษาอังกฤษ

35.Passer du coq à l’âne. เปลี่ยนจากไก่ไปเป็นลา กำลังพูดกันอยู่เรื่องหนึ่งแล้วจู่ก็เปลี่ยนไปเป็นอีกเรื่อง

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเมื่อไปประเทศฝรั่งเศส

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเมื่อไปประเทศฝรั่งเศส    
1.คุณสามารถกล่าวทักทายว่าบงชู (Bonjour)ซึ่งหมายถึงสวัสดีตอนเช้า หรือ บงซัว (Bonsoir)ที่หมายถึงสวัสดีตอนเย็น และกล่าวลาเมื่อจะจากไปด้วยคำว่า "โอ(เครอ)วัว(Au revoir)"ที่แปลว่า ลาก่อนและกล่าวขอบคุณว่า "แม็กซิ (Merci)

2.วิธีทักทายสำหรับคนที่รู้จักกันนั้นคือการแลกจูบแก้มซึ่งกันและกันไม่ว่าคู่ทักทายของคุณจะเป็นหญิงหรือชาย ตามงานพิธีต่างๆ ชาวฝรั่งเศสใช้วิธีชนแก้มกันทั้งสองข้าง ว่ากันว่าชาวปารีสนิยมแนบแก้มกันถึง 4 ครั้ง ถ้าเป็นเมืองนอกเขตปารีสทำเพียง 2 ครั้ง

3.เมื่อไปรับประทานอาหารตามภัตราคารอย่าตะโกนเรียกบริหรว่า"การ์ซ็อง(garcon)"ที่ตรงกันกับภาษาอังกฤษว่าboy ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสถือว่าไม่สุภาพ ควรเรียกว่าเมอซิเออร์ และกล่าวคำว่า ซิล วู เปล ซึ่งแปลว่ากรุณา เวลาสั่งอาหารหรือขออะไรเพิ่มเติมจึงถือว่าสุภาพและควรถอดหมวก เสื้อคลุม โอเวอร์โค๊ดหรือแจ้กเก็ต เพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ก่อนทุกครั้ง

4.สนามหญ้าในฝรั่งเศสมีไว้ให้ดูและชื่นชมความเขียวชอุ่ม ห้ามแตะต้องเด็ดขาด ยกเว้นตามสนามหญ้าที่เปิดเป็นสาธารณะ หากคุณละเมิดกฏเข้าไปในสนามหญ้าซึ่งมีป้าย pelouse interdite แปลว่า สนามหญ้าห้ามเข้า กำกับอยู่ ถือว่าคุณทำผิดกฏหมาย

5.เมื่อชาวฝรั่งเศสต้องการโบกมือลาเขาจะยกมือพร้อมกับขยับนิ้วขึ้นลง ๆ

6.รถแท็กซี่ในฝรั่งเศสนั่งได้ 3 คน เฉพาะที่ตรงด้านหลังคนขับเท่านั้นที่นั่งด้านขวามือข้างหน้าคู่กับคนขับนั้น มักไว้ให้เป็นที่นั่งของสัตว์เลี้ยง

แสลงฝรั่งเศส

- Bof bof = งั้นๆแหละ
- C'est pas génial = เฉยๆ ธรรมดา
- J'en ai jusque là = ล้น พอแล้ว ทนไม่ไหวแล้ว
- Être saoul = เมา
- Bourré = โดดยัด
- Mon oeil = แหกตา ขี้โม้ โกหก
- J'ai du nez = ฉันรู้ทัน จมูกไว
- J'ai du flair = ฉันรู้ทัน จมูกไว
- T'es fou(m)/folle(f) = จะบ้าหรอ
- Ça va  pas ? = จะบ้าหรอ
- On s'appelle ? = ไว้โทรหากันนะ
- Motus et bouche cou
- Super ! = สุดยอด เจ๋ง
- Trop cool ! = สุดยอด เจ๋ง
- Trop bien ! = สุดยอด เจ๋ง
- Je croise les doigts pour toi = ขอให้โชคดี

คำอวยพรในโอกาสพิเศษต่างๆของภาษาฝรั่งเศส

Bonne Année ( บอนนานเน่ )แปลว่าสวัสดีปีใหม่

Joyeux Noël ( ชัวเยอ โนแอล )แปลว่า สุขสันต์วันคริสต์มาส

Joyeux Anniversaire ( ชัวเยอซานิแวร์แซร์ )แปลว่า สุขสันต์วันเกิด
Bienvenue ( เบียงเวอนู )แปลว่า ยินดีต้อนรับ
Bon courage ( บง กูราช ) แปลว่่า ขอให้มีกำลังใจในการทำงาน

Bonne chance ( บอน ชองส์ ) แปลว่า ขอให้โชคดี / ประสบความสำเร็จ

Bon appétit ( บอนนาเปตี )แปลว่า ขอให้เจริญอาหาร
Bon voyage ( บง วัวยาช ) ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ

Bonne journée ( บอน ชูร์เน่ ) แปลว่า ขอให้สนุกสนานในช่วงกลางวันนี้

Bonne soirée ( บอน ซัวเร่ )แปลว่า ขอให้สนุกสนานในช่วงค่ำคืนนี้

Bonnes vacances ( บอน วาก็องส์ )แปลว่า ขอให้สนุกสนานช่วงปิดภาคเรียน

Bonne nuit ( บอน นุย ) แปลว่า ราตรีสวัสดิ์

Fais de beaux rêves ( แฟ เดอ โบ แรฟ ) แปลว่าหลับฝันดี

Bonne santé ( บอน ซองเต้ )แปลว่า ขอให้มีสุขภาพดี

ภาษาฝรั่งเศสเบื้องต้นในชีวิตประจำวัน

- Bonjour บงชูร์ สวัสดีตอนเช้า

- Bonsoir บงซัวร์ สวัสดีตอนบ่าย

- Bonne nuit บอนนุย ราตรีสวัสดิ์

- Allô อัลโหล ฮัลโหล

- Salut ซาลู สวัสดีแบบเป็นกันเอง

- Au revoir โอเรอวัว ลาก่อน

- Merci แมกซี่ ขอบคุณ

- Oui หวี ใช่

- Non นง ไม่ใช่

- S'il vous plaît ซิลวูเปล ได้โปรด

- D'accord ดั๊กกอ OK

- Pardon ปารก์ดง ขอโทษ

- Pardon Monsieur / Madame ปารก์ดง   เมอซิเออ / มาดาม ขอโทษคุณผู้ชาย / คุณผู้หญิง

- Je suis désolé เชอ ซุย เดโซเล่ ฉันเสียใจ

- Je vous en prie เชอ วู ซอง พรี ไม่เป็นไร

- Santé ซองเต้ Cheers(ใช้สำหรับเวลาดื่ม )

- C'est combien? เซ คอมเบียง ราคาเท่าไร

- Attention อั๊ตตองซิยง ระวัง

- Entrez  อ๊องเทร่ เข้ามา

- Excusez-moi เอ๊กกูสเซ่มัว ขอโทษ
( Excuse me )

- Bien เบียง ดีแล้ว

- Bon voyage บงวัวยาซ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ

- Je ne sais pas เชอ เนอ เซ ปะ ฉันไม่รู้

-Je ne comprends pas เชอ เนอ กอมพรอง ปะ ฉันไม่เข้าใจ

- Vraiment แวร์ม้อง จริงหรือ

- C'est exact เซ แอ๊กแซก ถูกต้องแล้ว

- Qui est-ce? กิเอส นั่นใคร

- Qu'est-ce c'est ? แกซเกอะเซ นั่นอะไร

- Allez-vous-en  อัลเล่วูซอง ออกไป !

คำศัพท์เกี่ยวกับอาหาร

Le petit déjeuner
เลอ เปอตีต์ เดฌัวเณ่
อาหารเช้า

Le déjeuner
เลอ เดฌัวเณ่
อาหารกลางวัน

Le dîner
เลอ ดีเณ่
อาหารเย็น

Le goûte
เลอ กูเต้
อาหารว่าง

Le hors d’œuvre, L’entrée
เลอ ออค เดิฟค์, ล็องเท่(ค)
อาหารเรียกน้ำย่อย

La soupe
ลา ซูป
ซุป

Le plat principal
เลอ ปลาต แพร็งซิปาล
อาหารหลัก

La salade
ลา ซาลาด(เดอะ)
สลัด

La cuisine
ลา คุยซีน
ห้องครัว

La selle à manger
ลา แซล ลา ม็องเฌ่
ห้องรับประทานอาหาร

La bière
ลา บีแย็รค
เบียร์

Une bouteille
อึน บูแตล
ขวดหนึ่งใบ

Le café
เลอ กาเฟ่
กาแฟ

Une carafe
อึน กาคาฟ
เหยือกสำหรับใส่น้ำหรือไวน์

La carte des vins
ลา กาคเตอะ เด แฟ็ง
รายการไวน์

Le jus
เลอ ฌู
น้ำผลไม้

Le verre
เลอ แฟวค
แก้ว

Les cuisses de grenouille
เล ควุซ เดอ เกรอคนุย
ขากบ

Le foie
เลอ ฟัว
ตับ

Le Pâté
เลอ ปาเต้
มูสที่ทำจากตับ

Le steak tartare
เลอ สเต็ก ตาค์ตารค์
สเต็กปรุงรส

Le tête de veau
เลอ เต๊ท เดอ ฟโว
หัวลูกวัว

À point
อา ป็วง
กึ่งสุกกึ่งดิบ

Bien cuit
เบียง กุย
สุกแบบสมบูรณ์, สุกพอดี

Bleu, saignant
เบลอ, เซนย็อง
ดิบ

Le bifteck
เลอ บีฟเต็ก
สเต็ก

À la broche
อะ ลา บค็อช
ทำให้สุกโดยใช้ไม้เสียบหมุนแล้วย่าง

Carbonisée
กาบองนิเซ่
ย่างกรอบ

Une Saucisse
อึน โซซีส
ไส้กรอก

Le porc
เลอ ป็อค
เนื้อหมู

La viande
ลา วิยองด์
เนื้อ

Une tranche
อึน ทค็องช์
ชิ้นสไลด์

Le poulet rôti
เลอ ปูเล ฮโคติ
ไก่อบ

La volaille
ลา โวลาย
เนื้อขาว

Aïoli
ไอโยลิ
กระเทียมซอสมายองเนส

Le coq au vin
เลอ ค็อก อู แว็ง
ไก่อบซอสไวน์แดง

La crêpe
ลา แคร็ป
เครป

Les huitres
เล อวิท(เทคอะ)
หอยนางรม

Le beurre
เลอ เบอค
เนย

Les oeufs
เลเอิฟ
ไข่

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2559

Galette des Rois ขนมแห่งกษัตริย์ ในเทศกาล L’epiphanie

                    Galette des Rois   

        ขนมแห่งกษัตริย์ในเทศกาล L’epiphanie

          ทุกวันที่ 6 ของเดือนมกราคม คนฝรั่งเศสจะชอบทานขนมพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวแต่ไม่ใช่ว่าจะทานขนมอะไรก็ได้นะ  เพราะในวันนี้เป็นวันของ Galette des Rois หรือขนมแห่งกษัตริย์ ถ้าใครไปเที่ยงฝรั่งเศสในช่วงเดือนมกราคม ก็จะเห็นขนมชนิดนี้วางขายอยู่ในร้านขายขนมปังทุกร้านเลย 
          Galette des Rois เป็นขนมที่มีขายในเทศกาล L’epiphanie ซึ่งมีต้นกำเหนิดมาตั้งแต่สมัยโรมัน โดยจะมีขึ้นในทุกวันที่ 6 ของเดือนมกราคม หรือ 12 วันหลังจากที่พระเยซูประสูติเพื่อเป็นรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ 3 นักแสวงบุญเมไจ (Mages) หรือที่คนสมัยนั้นนับถือกันว่าเป็นกษัตริย์แห่งกรุงบาบิลอน ทั้งสามเป็นผู้ที่ปราดเปรื่องเรื่องดวงดาว เมื่อพวกเขามองเห็นดวงดาวแห่งเบธเลเฮมก็เกิดความศรัทธาและรู้ทันทีว่าผู้มีบุญหรือกษัตริย์องค์ใหม่ของชาวยิวได้จุติลงมาเกิด พวกเขาจึงเริ่มออกเดินทางตามหา โดยนักบุญทั้งสามได้นำของที่ประเมินค่ามิได้ไปมอบเป็นของขวัญแด่พระผู้เป็นเจ้าของของพวกเขาด้วย ดังที่เราอาจจะพบได้บ่อยๆในภาพวาดของกษัตริย์ทั้งสามพระองค์กำลังโค้งคำนับพระเยซูในขณะที่ยังเป็นทารก
Galette des Rois หรือ ขนมแห่งกษัตริย์ เป็นขนมที่ทำมาจากแป้งพัฟหลังจากอบแล้วจะเป็นแผ่นบางๆกรอบหลายแผ่นซ้อนกันภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า La pâte feuilletée คล้ายๆกับครัวซองค์แต่กรอบกว่าและรสชาตินุ่มนวล ไส้ข้างในเป็นอัลมอลล์กวน หรือที่คนฝรั่งเศสเรียกกันว่า La frangipane รสชาติอร่อยนุ่มลิ้น ถ้าไส้เป็นแอปเปิ้ลหรือผลไม้อบแห้งหั่นเป็นชิ้นเล็กๆเรียกว่า La brioche (des fruits confits) บางทีก็มีไส้ช็อคโกแลตด้วยนะคะ ก่อนรับประทานแนะนำให้เอาไปอุ่นในเตาอบก่อนจะอร่อยมากเลย ข้างในขนมจะมีความลับซ่อนอยู่ ความลับที่ว่าก็คือตอนทำขนมเค้าจะใส่ตุ๊กตาเล็กๆไว้ในไส้ โดยตุ๊กตาที่ว่านี้ในภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า Une fève ซึ่งอาจจะทำมาจากเซรามิคหรือพลาสติกและยัง เคยมีแบบที่ทำมาจากทองคำด้วย และก็มีเด็กๆหลายคนที่ชอบสะสม La fève ด้วยและเวลาไปซื้อขนมชนิดนี้ที่ร้านก็จะขายมาพร้อมกับมงกุฏกระดาษสีทอง (Une couronne)     

     กฏหรือวัฒนธรรมในการกินขนมแห่งกษัตริย์
จะให้เด็กที่อายุน้อยที่สุดในบ้านไปหลบอยู่ใต้โต๊ะจากนั้นพ่อหรืแม่ก็จะหั่นขนมออกเป็นชิ้นเท่าๆกันตามจำนวนสมาชิกในบ้าน แล้วจะให้เด็กที่ลงแอบอยู่ใต้โต๊ะเป็นคนตัดสินใจว่าขนมแต่ละชิ้นจะเป็นของใคร เช่นชิ้นแรกให้พ่อ ชิ้นที่สองให้พี่ พอทุกคนได้ขนมแล้วเด็กก็จะออกมาจากที่ซ่อนและทุกคนลงมือทานขนมพร้อมๆกัน ถ้าขนมของใครมี La fève อยู่ข้างใน คนนั้นก็จะได้สวมมงกุฎและเป็นกษัตริย์ และแน่นอนกษัตริย์ก็ย่อมเลือกควีนของตัวเองได้บางร้านก็อาจจะให้มงกุฏมา 2 อัน ในบ้างครั้งก็อาจจะมี La fève ใส่มาในขนม 2 ชิ้นโดยชิ้นที่สองนี้มักจะทำมาจากถั่ว ถ้าใครได้ชิ้นไปก็ต้องเป็นคนออกไปซื้อขนมกษัตริย์มาทานกันอีกเป็นกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว ที่ทั้งสนุกและอร่อย

     คำพูดที่มักจะใช้กันบ่อยๆในเทศกาลนี้ก็คือ
Qui sera le roi? = ใครจะได้เป็นกษัตริย์
Qui sera la reine? = ใครจะได้เป็นราชินี
Celle-ci c’est pour qui? = ขนมชิ้นนี้ให้ใคร
J’ai trouvé la fève! = ฉันพบ fève แล้ว!
J’ai la fève! = ฉันได้ fève!
Tirer les rois. หรือ Tirer au sort. หมายถึงการกินขนมแห่งกษัตริย์แล้วก็กลายเป็นกษัตริย์

     

คำศัพท์ภาษาฝรั่งเศสเกี่ยวกับบ้าน

         คำศัพท์ภาษาฝรั่งเศสเกี่ยวกับบ้าน

1. la maison = บ้าน
2. le grenier = ห้องใต้หลังคา
3. l'étage = ชั้นบน
4. le rez-de-chaussée = ชั้นล่าง
5. la cave =  ห้องใต้ดิน
6. la salle de bains = ห้องน้ำ
7. la salle ( à coucher ) = ห้องนอน
8. la cuisine = ห้องครัว,ห้องปรุงอาหาร
9. le garage = โรงรถ
10. la salle à manger = ห้องรับประทานอาหาร
11. les toilettes = ห้องสุขา
12. le bureau = ห้องทำงาน
13. le balcon = ระเบียง
14. Ie salon = ห้องโถง
15. l'escalier = บันได

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559

สำนวนที่เกี่ยวกับเงิน ในภาษาฝรั่งเศส

            สำนวนที่เกี่ยวกับเงิน ในภาษาฝรั่งเศส
        เรื่องที่ไม่ควรนำมาพูดคุยสนทนาของคนฝรั่งเศส  ก็มีเรื่องศาสนา การเมือง และเรื่องเงิน ไม่ควรไปถามกันว่าเธอได้เงินเดือนเท่าไหร่เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สุภาพ แม้ว่าคนฝรั่งเศสไม่ชอบคุยเรื่องเงิน แต่ก็มี สำนวนที่เกี่ยวกับเงิน ในภาษาฝรั่งเศส เยอะแยะมากมายเลย เราไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1. L’argent n’a pas d’odeur. 
ถ้าแปลตรงก็แปลว่า เงินไม่มีกลิ่นหรอกนะ หมายถึงเงินไม่มีที่มาที่ไป ไม่สำคัญว่าจะได้มันมาจากไหน (ขอให้มีเงินก็แล้วกัน) เพราะเงินมันไม่มีกลิ่นนี่เองจึงทำให้หลายคนทำเพื่อเงินได้อย่างไม่ละอายใจ สำนวนนี้มีที่มาในสมัยของจักรพรรดิเวสเปเชียน หรือ ไททัส เฟลเวียส เวสปาซิเอนัส เป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันของ ในปี ค.ศ. 69 ซึ่งสมัยนั้นจะมีโถปัสสาวะตั้งอยู่กลางเมืองเพื่อในคนปัสสาวะ แล้วน้ำปัสสาวะก็จะถูกนำไปใช้ในการฟอกหนัง อยู่มาวันหนึ่งพระองค์ก็มีความคิดที่จะจัดเก็บภาษีการปัสสาวะก็เลยพูดคุยเรื่องนี้กับบุตรชาย พระองค์ยื่นเหรียญไปที่ปลายจมูกของลูกชายพร้อมกับถามว่าเงินมันมีกลิ่นหรือเปล่า? จนกระทั่งในคริสตวรรษที่ 19 ชาวเมืองปารีสจึงเรียกโถปัสสาะในที่สาธารณะแบบนี้ว่า “vespasiennes” ตามชื่อของจักรพรรดิเวสเปเชียน

2. Le temps, c’est de l’argent. 
สำนวนนี้ตรงกับของบ้านเราที่พูดว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” เป๊ะเลย

3. L’argent, ça ne pousse pas dans les arbres.
“เงินไม่ได้งอกออกมาจากต้นไม้” คล้ายๆกับสำนวนไทยที่ว่า เงินไม่ได้ร่วงลงมาจากฟ้า หมายความว่าอยากมีเงินก็ต้องทำงานนั่นเอง

4. Être né avec une cuillère en argent dans la bouche. 
คำนี้ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า ไม่ได้คาบช้อนเงิน(ช้อนทอง)มาแต่เกิด

5. Être pété de thunes. 
หมายความว่า รวยมาก มีเงินมาก คล้ายๆกับสำนวน Être plein aux as หรือÊtre riche comme crésus. นั่นเอง

6. Ça coute la peau du dos. 
มีราคาแพงจนประเมินค่าไม่ได้ ค่าเทียบเท่ากับอวัยวะต่างๆของคนเราเช่น มีค่าผิวหนังที่หุ้มแผ่นหลัง
นอกจากนี้ก็ยังมีคำว่า Ça coute…des fesses / du cul / un rein…. หมายความว่าแพงหรือมีค่าราวกับ สะโพกทั้งสองข้าง/หรือแพงเท่ากับก้น/ หรือมีราคาเทียบเท่ากับไตของคนเรา

7. Avoir des oursins dans les poches. 
Un oursin ก็คือหอยเม่นทะเลที่มีหนามเยอะ แปลตรงตัวแปลว่ามีหอยเม่นอยู่ในกระเป๋า หอยเม่นมันมีหนามถ้าล้วงเข้าไปมันจะทิ่มมือเอา หมายถึง ขี้เหนียวหรือไม่อยากล้วงเงินออกมาใช้นั่นเอง

8. Les histoires d’argent tuent
l’amitié.
เรื่องเงินมักทำให้เสียเพื่อน อันนี้เรื่องจริงที่สุด!

9. Les bons comptes font les bons amis.
(ถ้าไม่อยากเสียเพื่อน) การทำบัญชีดีๆทำให้มีเพื่อนดีๆ ประมาณว่าใครยืมตังค์เพื่อนก็ต้องเคลียร์ต้องจ่ายคืนนะ

10. Jeter l’argent par les fenêtres. 
การโยนเงินทิ้งทางหน้าต่าง เช่นเวลาที่อากาศร้อนๆเราเปิดแอร์แต่เปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้ก็เหมือนกับการโดยนเงินทิ้งนั่นแหละ

11. Ça coute une blinde. ราคาสูงมาก

เราก็ได้ทราบกันแล้วนะคะว่า สำนวนฝรั่งเศส ที่เกี่ยวกับเงิน มีอะไรบ้าง

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

Can-Can การเต้นแคนแคน

แคนแคน (ฝรั่งเศส: cancan, ก็องก็อง แปลว่า อื้อฉาว; อังกฤษ: สะกด can-can) เป็นรูปแบบการแสดงเต้นระบำในห้องโถง ประกอบดนตรีจังหวะเต้นรำ โดยใช้นักเต้นสตรีสวมกระโปรงยาว มีกระโปรงลูกไม้ซับใน สวมถุงน่องและรองเท้าส้นสูง นักเต้นจะเต้นด้วยท่าทางยั่วยวนผู้ชมที่เป็นชาย โดยเปิดชายกระโปรงให้เห็นกางเกงชั้นใน และเตะขาขึ้นสูง หรือกระโดดแยกขา สลับกับการเคลื่อนไหวร่างกาย 

ดนตรีที่ใช้ประกอบการเต้น มักใช้เพลงกาล็อพ(galop, ม้าควบ) ในจังหวะ 2/4 เพลงที่นิยมใช้ คือเพลง Orpheus in the Underworld ของชาก ออฟเฟนบาค หรือเพลงอื่นๆ ของโยฮันน์ ชเตราสส์ ที่สอง

การเต้นแบบแคนแคนเกิดขึ้นครั้งแรกราวทศวรรษ 1830 การเต้นบอลรูมของชนชั้นผู้ใช้แรงงานในย่านมงต์ปาร์นาส กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยนักเต้นชาย แต่เป็นที่นิยมเต้นในช่วงทศวรรษ 1890 เป็นการเต้นแสดงโดยนักเต้นหญิง โดยเฉพาะการแสดงที่โรงละครมูแลงรูจ ที่ตั้งอยู่ในย่านโคมแดงในมงมาร์ต นักเต้นหญิงที่มีชื่อเสียง เช่น La Goulue และ Jane Avril ที่มีปรากฏอยู่ในภาพวาดแบบโพสต์อิมเพรสชันนิสม์ของอองรี เดอ ตูลูส-โลแตร็ก เป็นจำนวนมาก

การเต้นแคนแคนที่มูแลงรูจเป็นที่นิยมจนถึงทศวรรษ 1920 และเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากละครเวที (1953) โดยโคล พอร์ตเตอร์ จัดแสดงที่บรอดเวย์ และเวสต์เอนด์ และภาพยนตร์ในปี 1960 นำแสดงโดยแฟรงก์ ซินาตรา และเชอร์ลี แมคเลน