วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560

แอมานุแอล มาครง(Emmanuel Macron)ประธานาธิบดีฝรั่งเศส

แอมานุแอล ฌ็อง-มีแชล เฟรเดริก มาครง( Emmanuel Jean-Michel Frédéric Macron; เกิดวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2520) เป็นนักการเมือง อดีตข้าราชการพลเรือนระดับสูง และอดีตวาณิชธนกรชาวฝรั่งเศส ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสและผู้ปกครองร่วมแห่งอันดอร์รา

มาครงเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 ผลจากการเลือกตั้งรอบแรกเมื่อวันที่ 23 เมษายน ปรากฏว่า เขามีคะแนนนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยมารีน เลอ แปน ที่มีคะแนนตามมาเป็นอันดับสอง มาครงได้ลงแข่งขันกับเลอ แปน ในการเลือกตั้งรอบที่สองเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม และได้รับชัยชนะอย่างขาดลอย ณ อายุ 39 ปี เขากลายเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสและกลายเป็นประมุขแห่งรัฐฝรั่งเศสที่มีอายุน้อยที่สุดนับตั้งแต่สมัยนโปเลียน

   มาทำความรู้จักกับแอมานุเอล มาครง ให้มากขึ้นกัน

1. ชีวิตครอบครัวและการศึกษา
        เอ็มมานูเอล ฌ็อง มิเชล เฟรเดอริค มาครง เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2520 ที่เมืองเอเมียงส์ ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส ครอบครัวของเขาทำงานอยู่ในแวดวงวิทยาศาสตร์และการแพทย์ แม่ของเขาเป็นหมอ ในขณะที่พ่อเป็นศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประสาทวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยพิคคาร์ดี มาครงเข้ารับการศึกษาในระดับประถมและมัธยมที่โรงเรียนในเมืองเอเตียง ก่อนจะย้ายไปเรียนต่อจนจบชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนอองรีที่ 4 (Lycée Henri-IV) โรงเรียนมัธยมชั้นสูงเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในปารีส ซึ่งเป็นสถานศึกษาของนักคิด นักปรัชญาชื่อดังหลายท่าน เช่น มิเชล ฟูโกต์ ฌ็อง-ปอล ซาร์ต

          มาครง เข้าศึกษาทางด้านปรัชญาที่มหาวิทยาลัยปารีส น็องแตร์ (Université Paris Ouest Nanterre La Défense) และศึกษาต่อเรื่องการบริหารกิจการสาธารณะสถาบันซีอองซ์ โป (Science Po - The Institut d'études politiques de Paris) ตลอดชีวิตในช่วงวัยหนุ่มของเขานั้น เขามีความชื่นชอบและสนใจประวัติศาสตร์ ปรัชญา และศิลปะมาโดยตลอด และชีวิตของเขาในตอนนั้นดูห่างไกลจากโลกของการเมืองมากเลยทีเดียว

2. การทำงาน
         หลังจากจบการศึกษา มาครงเข้าทำงานในด้านที่แตกต่างจากวิชาที่เขาร่ำเรียน เขาทำงานในแวดวงการเงินการธนาคารมาเป็นเวลานานหลายปี โดยทำงานให้กับบริษัท ร็อธส์ไชลด์ (Rothschild) บริษัททรงอิทธิพลที่เป็นเจ้าของเครือข่ายธนาคารหลายแห่งในยุโรป ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ก่อนจะหันเหไปสู่วงการการเมืองอย่างเต็มตัวในปี 2555

3. ชีวิตในแวดวงการเมือง
    ก่อนหน้าจะเข้าสู่วงการการเมืองอย่างเต็มตัวนั้น เขาเคยทำหน้าที่ในกระทรวงการคลัง โดยเป็นผู้ช่วยในทีมของ ฌาคส์ อัตตาลี นักการเมืองผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาของอดีตประธานาธิบดีมิตเตร็อง แต่ก็ได้ออกจากงานไปทำงานให้กับบริษัท ร็อธส์ไชลด์ในปี พ.ศ. 2551 

          มาครง เข้ามาทำงานด้านการเมืองอย่างจริงจังโดยการเป็นผู้ช่วยที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ และด้วยความสามารถที่โดดเด่นของเขาทำให้ประธานาธิบดีออลลองด์เสนอชื่อเขาขึ้นไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ ในปี พ.ศ. 2557 ซึ่งเขาได้ร่างกฎหมายที่มุ่งเน้นผลักดันให้รัฐบาลมีความเป็นมิตรกับภาคเศรษฐกิจมากขึ้น แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสภา และมันก็ถูกตัดลงไป ไม่ผ่านการอนุมัติ 

4. พรรคการเมืองของตนเอง 
จุดเปลี่ยนที่ทำให้มาครงหันมาตั้งพรรคการเมืองของตนเอง เป็นเพราะเขาเล็งเห็นว่า แนวคิดการปฏิรูปเศรษฐกิจของเขานั้นไม่สามารถไปกันได้กับนโยบายของพรรคสังคมนิยมภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีออลลองด์ มาครงจึงลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีและออกมาตั้งพรรคการเมืองของตัวเองในปี พ.ศ. 2559 ภายใต้ชื่อ ออง มาร์ช (En Marche) ซึ่งมีความหมายตรงตัวถึงการเคลื่อนไหว เป็นพรรคการเมืองที่มีแนวคิดเสรีนิยมสายกลาง ที่มีเป้าหมายปฏิรูปการเมืองของฝรั่งเศสให้ก้าวไปข้างหน้า และให้ความเคารพกับสิทธิมนุษยชนของประชาชนทุกคนในประเทศ 

          การจัดตั้งพรรคการเมืองของมาครงถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของการเมืองฝรั่งเศส ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจะมาจากเฉพาะ 2 พรรคการเมืองใหญ่เท่านั้น และนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อทำให้ประเทศเดินหน้าไปสู่จุดใหม่ของเขา ทำให้มาครงได้คะแนนนิยมอย่างท่วมท้นนับตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่ออกแคมเปญหาเสียง

5. ชีวิตรักอันเลื่องลือ 
  เรื่องราวชีวิตรักของมาครงเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะคู่ชีวิตของเขาก็คือ บริจิตต์ โทรนเญอซ์ วัย 64 ปี ซึ่งเป็นคุณแม่ของเพื่อนร่วมชั้น และเธอก็ยังเป็นอดีตคุณครูสอนวิชาศิลปะการแสดง ประจำโรงเรียนมัธยมในเอเตียงที่มาครงเคยศึกษาอยู่ หนุ่มน้อยมาครงในวัย 15 ปี หลงรักคุณครูผู้อายุแก่กว่าถึง 24 ปี คนนี้อย่างจัง ความรักของมาครงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ มันจริงจังมากถึงขนาดพ่อแม่ของเขาพยายามกีดกันไม่ให้ทั้งคู่ได้พบกัน 

          เมื่อมาครงอายุ 17 ปี เขาก็เปิดเผยกับคุณครูผู้เป็นที่รักว่าเขาอยากแต่งงานกับเธอ ถึงแม้ว่าตอนนั้นมันจะไม่มีทางเป็นไปได้และเขาก็ต้องแยกจากไปเรียนต่อที่ปารีส แต่มาครงก็บอกกับเธอว่า "ผมจะกลับมาหาคุณ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมก็จะแต่งงานกับคุณให้ได้"  

          หลังจากเวลาผ่านไปนานหลายปี ความรักที่มาครงมีให้คุณครูก็ไม่เคยจืดจางลงไป จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2550 ขณะที่มาครงอายุได้ 29 ปี บริจิตต์ก็หย่าขาดจากสามี และมาครงก็ได้แต่งงานกับเธอดังที่เขาปรารถนามาตลอด โดยไม่สนคำวิพากษ์วิจารณ์ใด ๆ จากสังคม 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น